มลพิษทางเสียง แว่วลี้งกับการร้องไห้ของดวงจันทร์ในความเงียบสงัด

หากคุณกำลังมองหาเพลงที่สามารถทำให้หัวใจของคุณสั่นสะท้านไปด้วยความโศกเศร้าอย่างล้ำลึกและชวนให้คิดถึงอดีตอันแสนหวาน “มลพิษทางเสียง” ของวงดนตรีพื้นบ้านชื่อดัง “สุนทรีย์สักวัน” คงเป็นตัวเลือกที่ไม่ผิดพลาด หากเราลองนึกภาพความเงียบสงัดของทุ่งนาในยามค่ำคืน ดวงจันทร์ส่องแสงอันอ่อนโยนลงมาบนผืนดิน และเสียงร้องไห้ของดวงจันทร์ที่ดังก้องไปทั่วบริเวณ “มลพิษทางเสียง” ก็จะถูกบรรจุลงในความทรงจำของคุณราวกับภาพยนตร์สีขาวดำที่กำลังฉายอยู่

เพลง “มลพิษทางเสียง” เป็นผลงานชิ้นเอกของ “สุนทรีย์สักวัน” วงดนตรีพื้นบ้านจากจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้รังสรรค์ขึ้นในปี 2548 เพลงนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวความรักที่ต้องห้ามของหนุ่มสาวชาวเหนือสองคน ซึ่งถูกขัดแย้งจากครอบครัวและสังคม

“มลพิษทางเสียง” ใช้ทำนองแบบ “ลำตัด” ที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคเหนือ การร้องไห้ของนักร้องหญิงนำได้ถ่ายทอดความเศร้าโศกอย่างลึกซึ้งราวกับดวงจันทร์ที่กำลังถูกบดขยี้ด้วยความทุกข์ และเสียงเครื่องดนตรีพื้นบ้านอย่าง “ฆ้อง” “ระนาด” และ “กลอง” ก็ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศให้ยิ่งน่าเศร้า

เนื้อเพลง “มลพิษทางเสียง” พูดถึงความรักที่ต้องพ่ายแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ ความหึงหวง ความน้อยใจ และความเสียใจจากการพลัดพราก

“ดวงจันทร์ยิ้มแย้ม ข้างฉันร้องไห้

อนาคตมืดมิด รางของชีวิต

มลพิษทางเสียง สั่นสะเทือนหัวใจ”

เพลงนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่คนฟังชาวเหนือ และได้ถูกนำไปขับร้องโดยศิลปินรุ่นหลังอีกมากมาย

“สุนทรีย์สักวัน”

วงดนตรีพื้นบ้าน “สุนทรีย์สักวัน” ก่อตั้งขึ้นในปี 2538 โดยกลุ่มนักดนตรีจากจังหวัดเชียงใหม่ที่มีความหลงใหลในดนตรีพื้นบ้านภาคเหนือ พวกเขาได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ที่สามารถนำเอาความทันสมัยมาผสมผสานกับเสียงดนตรีดั้งเดิมได้อย่างลงตัว

สมาชิกของวง “สุนทรีย์สักวัน” ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากครูอาจารย์ผู้มีประสบการณ์ในวงการดนตรีพื้นบ้าน และพวกเขายังคงรักษาขนบธรรมเนียมดั้งเดิมของภาคเหนือไว้

นอกจากเพลง “มลพิษทางเสียง” แล้ว วงดนตรี “สุนทรีย์สักวัน” ยังมีผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมอีกมากมาย เช่น “ฝนตกไกลบ้าน” “รักเอย” และ “บ่ฮู้จัก”

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบดนตรีพื้นบ้านภาคเหนือ “มลพิษทางเสียง” ของวงดนตรี “สุนทรีย์สักวัน” เป็นเพลงที่ควรค่าแก่การฟังอย่างยิ่ง

“มลพิษทางเสียง” เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผสมผสานดนตรีพื้นบ้านกับเนื้อหาที่กินใจของวงดนตรี “สุนทรีย์สักวัน” และเพลงนี้ยังคงเป็นที่จดจำของผู้ฟังมาจนถึงปัจจุบัน